Yamaha DXR12mkII ลำโพง 2 ทางขนาด 12 นิ้ว

Yamaha DXR12mkii 950-628px

Yamaha DXR12mkII ลำโพง 2 ทางขนาด 12 นิ้ว กำลัง 1100W ดีไซน์ใหม่ ต่อยอดจากรุ่น Mark I ปรับจูนโดยทีม NEXO ตอบโจทย์ทั้งงาน PA และ Install

การใช้งานลำโพง PA ในระบบเสียงไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกอาคาร ตู้ลำโพงที่เรานิยมใช้งานกันมักจะเป็นขนาด 12 นิ้ว บทความนี้ขอแนะนำลำโพงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเพาเวอร์แอมป์ นั่นคือ Yamaha DXR12mkII ลำโพงรุ่นนี้ถูกผลิตออกสู่ตลาดเพื่อมาแทนรุ่น Mark I ไปสำรวจกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

DXRmkII vs. DXR Mark I

Yamaha DXR12mkII มีฟีเจอร์ต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้อยู่พอสมควร หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบรายละเอียด เราขอแนะนำข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

สิ่งแรกที่เราสังเกตได้คือไดรเวอร์ความถี่สูง หรือดอกลำโพงขับเสียงแหลม รุ่นใหม่จะให้ความดังมากขึ้น แต่มีน้ำหนักเบาลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนชนิดแม่เหล็กจากเดิม Ferrite มาเป็นชนิดนีโอไดเมียม เส้นผ่าศูนย์กลางในรุ่นเดิมขนาด 1.4 นิ้ว ส่วนรุ่นใหม่มีขนาด 1.75 นิ้ว

ในกระบวนการผลิต รุ่นนี้ถูกปรับจูนโดยทีม NEXO ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตลำโพงชั้นนำระดับโลกรายหนึ่ง เพื่อให้เสียงจากไดรเวอร์เข้ากับตัวตู้ได้ดี ฉะนั้นเสียงที่ได้จึงมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

ในรุ่น DXRmkII ไม่มีอักษร YAMAHA จะพบเฉพาะโลโก้ส้อมเสียง

อีกประเด็นที่น่าสังเกตคือระดับความดังในรุ่นใหม่ มีการเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2dB SPL รุ่นใหม่ยังมีน้ำหนักเบาลงราว 700 กรัม สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นจากหน้าตู้ คือตัวอักษร “YAMAHA” หายไป เหลือเพียงตัวโลโก้สินค้า นั่นทำให้เราสามารถวางลำโพงในทิศทางใดก็ได้ โดยไม่ต้องสนใจทิศทางของตัวอักษรดังกล่าว ทำให้ไม่ต้องหมุนโลโก้ ช่วยให้ติดตั้งในรูปแบบต่างๆ ง่ายขึ้น

ลองเล่น DXR12mkII

เมื่อแกะลำโพง Yamaha DXR12mkII ออกจากกล่อง เราจะพบโลโก้ “ส้อมเสียง” ของ Yamaha ไม่มีตัวอักษรติดบนตะแกรงเหมือนรุ่นเก่า ง่ายต่อการวางตู้ลำโพงในนอนหรือวางในแนวตั้งแบบไม่ต้องกังวล

เมื่อยกตู้ลำโพงขึ้นจะรับรู้ได้เลยว่า น้ำหนักเบาลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นเก่า ประมาณ 7 ขีด (700 กรัม) ด้านหลังตู้ลำโพงนั้น จะมีส่วนประกอบต่างๆ ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะคนที่เคยเล่น DXR Mark I มาก่อน ประกอบด้วยภาคอินพุต/เอาต์พุต และ DSP แบบเดิม แต่มีการปรับจูนใหม่ ทำให้เสียงจากดอกขับเสียงแหลมกับดอกฟูลเร้นจ์เข้ากันได้ดีขึ้น

ภาค INPUT

INPUT 1 รองรับการเชื่อมต่อสัญญาณชนิด MIC และ LINE

การควบคุมส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม  INPUT ที่ 1 เป็นช่องสำหรับเชื่อมต่อกับสัญญาณประเภทไมโครโฟน และช่องสัญญาณ LINE ซึ่งมีสวิตซ์ให้เลือกประเภทของสัญญาณที่นำมาเชื่อมต่อกับตู้ลำโพงได้

ปกติหากมีการเชื่อมต่อกับมิกเซอร์เราจะใช้สัญญาณประเภท LINE เป็นหลัก แต่การใช้งานในบางกรณีอาจจำเป็นต้องเชื่อมต่อไมโครโฟนเข้าไปที่ลำโพงโดยตรง เพื่อใช้สำหรับเสียงประกาศหรืองานร้องเพลงก็ตาม แค่เลื่อนสวิตซ์ไปที่ MIC ก็ใช้งานได้ทันที

ถัดลงมาเราจะพบช่อง TRHU เป็นช่องสำหรับเชื่อมต่อสัญญาณออกไปยังภายนอก ช่วยให้พ่วงสัญญาณเสียงของ MIC/LINE ที่ต่อไว้ ถูกส่งไปยังตู้ลำโพงใบอื่นได้ ซึ่งสัญญาณที่ส่งจากช่องนี้จะเป็นสัญญาณที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่งหรือประมวลผลใดๆ ทั้งสิ้น

INPUT 2 ใช้เชื่อมต่อกับสัญญาณสเตริโอหรือโมโนได้

ใน INPUT 2 เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นที่จ่ายสัญญาณเสียงชนิดสเตริโอ (ซ้าย-ขวา) หรือเครื่องดนตรีพวกคีย์บอร์ด เปียโนไฟฟ้า หากใช้กับลำโพง 2 ใบ จะสามารถทำเป็นมอนิเตอร์คีย์บอร์ดได้เลย ด้านข้างจะมีลูกบิดโวลุ่มควบคุมระดับสัญญาณดังเบา

INPUT 3 อาจใช้กับเครื่องเล่น CD/MP3 หรือเครื่องเล่นอื่นๆ ที่มีหัวต่อแบบ RCA ซึ่งมีโวลุ่มควบคุมความดังเช่นกัน

นี่คือในส่วนของภาค INPUT ทั้งหมดที่ DXRmkII ให้มา ซึ่งคล้ายกับรุ่น Mark I

ภาค OUTPUT

ภาค OUTPUT จะเป็นการรวมสัญญาณทั้ง 3 อินพุตเข้าด้วยกัน ซึ่งสัญญาณจะถูกปล่อยออกที่ช่อง OUT ชนิด XLR โดยผู้ใช้สามารถควบคุมโหมดสัญญาณได้ เช่น แบบ Mono หรือ Stereo ซึ่งสามารถพิจารณาตามไดอะแกรมการใช้งานด้านหลังตู้ลำโพง

LINK OUT ใช้เชื่อมต่อสัญญาณไปยังลำโพง DXR ตู้ถัดไป สามารถเลือก LINK MODE เป็นสเตริโอหรือโมโน

กรณีกดปุ่มลงไปจะกลายเป็นโหมด Stereo มันจะลิงค์สัญญาณในลักษณะเป็นตู้ซ้าย/ตู้ขวา กรณีใช้เป็นโหมด Mono ก็จะเป็นการรวมสัญญาณซ้าย/ขวาเข้าด้วยกัน ทำให้ลำโพงทั้งสองตู้มีสัญญาณเสียงมิติเดียวกัน

ด้านหลังจะมีอักษรกำกับไว้ชัดเจน คือ Link ไปยังตู้ลำโพง DXR ตัวถัดไป นี่คือส่วนประกอบพื้นฐานของตู้ลำโพง

ภาค DSP ของ Yamaha DXR12mkII

หัวใจของตู้ลำโพงรุ่นนี้ จะให้เสียงตรงกับการใช้งานของเรา กล่าวคือ เมื่อเราใช้งานโดยทั่วไป เช่นไม่ได้เน้นย่านความถี่ต่ำ หรือย่านความถี่สูง ให้เราตั้งสวิตซ์ไว้ที่ตำแหน่ง OFF ถือเป็นการ Flat นั่นเอง เสียงเอาต์พุตที่ได้จะเหมือนสัญญาณอินพุต เนื่องจากไม่มีการปรุงแต่งความถี่ เช่นอาจจะเป็นงานที่ใช้เปิดแบ็กกราวด์มิวสิคขนาดใหญ่ วางอยู่รอบๆ อาคาร แต่ไม่ได้เปิดดังมาก เราอาจเลือกเป็น OFF ได้

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราต้องการเปลี่ยนโหมดให้ลำโพงเป็นชุดหลักของงานแสดง เช่น คอนเสิร์ต การแสดงดนตรีต่างๆ หรืองานประชุมสัมมนา แนะนำให้ท่านปรับสวิตซ์ไปที่ FOH/MAIN ซึ่งสวิตซ์ดังกล่าวจะอยู่ในส่วนของ D-CONTOUR

D-CONTOUR เป็นฟีเจอร์สำคัญของลำโพง Yamaha ปรับได้ 3 ค่าคือ FOH/MAIN, OFF และ MONITOR

จากรูปสัญลักษณ์บนตู้ลำโพง จะเห็นว่าโหมดนี้มีการเพิ่มระดับย่านความถี่ต่ำและความถี่สูงขึ้นมา ในสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน ข้อดีคือช่วยให้เสียงมีน้ำหนักมากขึ้น เวลาฟังแล้วรู้สึกว่าเสียงคมชัดขึ้น ดังนั้นโหมดนี้จึงเหมาะกับการเซตตู้เป็น Front of House หรือ Main PA นั่นเอง

ในกรณีนำลำโพงไปวางบนเวที หรือบนพื้นเป็นฟลอร์มอนิเตอร์ ปัญหาที่หลายคนเจอบ่อยๆ คือมักจะต้องปรับ EQ เอาต์พุตเพื่อส่งไปยังลำโพงมอนิเตอร์ เพราะย่านความถี่ต่ำมีมากเกินไป แต่หากท่านใช้ตู้ลำโพง DXRmkII มันจะทำงานง่ายมาก

แค่เลื่อนสวิตซ์ไปที่ตำแหน่ง MONITOR เท่านั้น ระบบภายในจะทำการลดย่านความถี่ต่ำและเพิ่มย่านความถี่สูงโดยปริยาย และสิ่งที่ได้คือเสียงจากมอนิเตอร์จะมีความชัดเจน เสียงไม่เบลอ ไม่มีการกระพือของเสียง ซึ่งมักเป็นปัญหาของตู้ลำโพงที่ถูกวางบนพื้นในลักษณะนี้

ดังนั้น โหมดฟังก์ชันดังกล่าวที่ Yamaha ออกแบบมา จึงมีความจำเป็น และยังถือเป็นฟังก์ชันที่นำไปใช้งานได้จริง แก้ปัญหาได้จริง โดยเฉพาะผู้ทำงานบนเวทีแสดงดนตรี ย่อมรู้ดีว่าฟังก์ชันนี้ช่วยแก้ปัญหาได้มากจริงๆ

ใช้กับซับวูฟเฟอร์

DXR12mkII สามารถใช้ร่วมกับตู้ซับวูฟเฟอร์ ปรับจูนใช้ง่าย

กรณีนำ Yamaha DXR12mkII ไปใช้งานกับตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ หากต้องการแบ่งภาระความถี่ต่ำไปที่ตู้ซับวูฟเฟอร์ บนตู้ลำโพงรุ่นนี้จะมีโหมด HPF (High Pass Filter) ซึ่งจะทำหน้าที่ตัดย่านความถี่ต่ำกว่าตัวเลขที่ระบุไว้ออกไป ซึ่งความถี่ดังกล่าวนั้นจะถูกส่งไปยังตู้ซับวูฟเฟอร์นั่นเอง

การใช้งานโหมดนี้ตัวตู้ลำโพงไม่ขับความถี่ต่ำ โดยเฉพาะย่านซับเบส (20Hz-60Hz) หรือย่านเบส (60Hz+) ทาง Yamaha ได้ออกแบบสวิตซ์ฟิลเตอร์ความถี่ให้ เช่น ตั้งแต่ย่านความถี่ 120Hz หรือ 100Hz ลงมา ในกรณีที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับตู้ซับวูฟเฟอร์ ให้ปรับเป็นโหมดฟูลเร้นจ์โดยเลื่อนสวิตซ์ไปที่ OFF

กรณีใช้ DXR12mkII ร่วมกับตู้ซับวูฟเฟอร์ แนะนำให้ตัดความถี่ผ่านฟังก์ชัน HPF ปรับได้ 3 ค่าคือ 120Hz, 100Hz และ OFF

สั่งปิดไฟหน้าตู้ลำโพง

กรณีท่านนำลำโพงไปใช้งานประชุมในโรงแรม หรืออีเว้นต์สำคัญๆ อาจจะเป็นห้องมืด หากไม่ต้องการให้ใครเห็นว่ามีการเปิดลำโพงอยู่ เราสามารถสั่ง Disable ได้ โดยสวิตซ์ FRONT LED DISABLE จะอยู่ด้านล่างแผงหลอด LED ซึ่งเป็นไฟแสดงสถานะการทำงานของตู้ลำโพง จากนั้นไฟหน้าตู้จะดับทันที ตรงนี้ทำให้ตู้ลำโพงที่ติดตั้งอยู่หลังม่านจะไม่มีไฟสว่างออกมา

สรุป

Yamaha DXR12mkII เป็นลำโพงรุ่นล่าสุดของตระกูล DXR โดยเฉพาะรุ่น 12 นิ้วนั้น ได้รับความนิยมในวงการเครื่องเสียงอย่างมาก เนื่องจากมีขนาดที่พอดี สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะสำหรับติดตั้งเป็น FOH/Main PA/Monitor ตอบสนองย่านความถี่ได้กว้าง มีลูกเล่นที่ใช้งานง่าย คุณภาพเสียงคมชัด ดังหนักแน่น ปรับจูนโดยทีม NEXO

ลำโพง Yamaha มีจุดเด่นสำคัญคือเสียงกลางมีความโดดเด่น ให้ความรู้สึกโปร่งฟังสบายหู แม้ว่าลำโพงแบรนด์นี้จะผลิตออกสู่ตลาดหลายรุ่นหลายซีรี่ส์ แต่จะให้โทนเสียงคล้ายๆ กัน จุดเด่นอีกอย่างคือภาค D-CONTOUR ของ Yamaha นั้นจะใช้ปรับโทนเสียง และรักษารายละเอียดย่านความถี่ต่างๆ ไว้ครบถ้วน แม้ระดับความดัง (SPL) ในแต่ละย่านความถี่จะแตกต่างกันก็ตาม

dxr12mkii

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง :

Yamaha DXR mkII Series ลำโพงพร้อมแอมป์ 1100W

Yamaha DXR mkII ลำโพงโฉมใหม่ปี 2019

สามารถมาทดลองสินค้าได้ที่
YDACC ชั้น 3 อาคารสยามกลการ ใกล้กับ bts สนามกีฬาแห่งชาติ
?https://goo.gl/maps/ca3fkb2ZmwUq4Rrg6

? ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่
Facebook : Yamaha Pro Audio Thailand
Line: @yamahaproaudioth
Website: th.yamaha.com
Instagram: yamahaproaudiothailand
Tel: 02-215-2626-39 (1401)

 

Read Previous

MXN5W-C ลำโพงห้องประชุมตัวแรกของ Shure

Read Next

Yamaha DZR12-D ลำโพงขนาด 12 นิ้ว 2000W รองรับ Dante