Yamaha DBR หนึ่งใน Series ลำโพงที่ขายดีที่สุด มีให้เลือก 3 รุ่น ขุมพลัง 1000W 132dB SPL ใช้งานได้ทุกแอปพลิเคชัน
ไม่ว่าจะเล่นดนตรีสดในงานคอนเสิร์ต เปิดเพลง EDM หรือการพูดบรรยายในห้องประชุม ลำโพง DBR Series นั้นพร้อมจะถ่ายทอดคุณภาพเสียงที่ทรงพลังไปสู่ผู้ฟังได้อย่างสมบูรณ์
เราจะเห็นว่าปัจจุบันลำโพงของ Yamaha เกือบทุก Series จะเน้นการออกแบบให้พกพาหรือขนย้ายง่าย รวมถึงสามารถใช้งานเอนกประสงค์ได้เป็นอย่างดี คุณสมบัตินี้ได้อาศัยสมรรถนะของระบบ DSP Yamaha เอง และเทคโนโลยีด้านวงจรภาคขยาย ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับกลุ่มสินค้าลำโพง DSR และ DXR Series โดยให้คุณภาพเสียงระดับอาชีพ สามารถถ่ายทอดทุกรายละเอียดของเสียงในทุกเอาต์พุตได้อย่างยอดเยี่ยม
DBR Series ประกอบด้วยลำโพงขนาด 10 นิ้ว, 12 นิ้ว และ 15 นิ้ว ทุกรุ่นถูกออกแบบขึ้นใหม่ภายใต้แนวคิดที่เน้นเรื่องความทนทาน รองรับการใช้งานที่หนักหน่วงได้ มีน้ำหนักเบา ซึ่งเหมาะกับการใช้งานหลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเป็นลำโพง Main PA วางเป็นมอนิเตอร์บนเวที
แม้กระทั่งการติดตั้งถาวรในอาคาร สถานที่ต่างๆ รวมถึงใช้ในห้องซ้อมดนตรี ปาร์ตี้ดีเจก็ได้ หรืองาน MC อีเว้นต์ในห้างสรรพสินค้า แอปพลิเคชันเหล่านี้ล้วนจบได้ด้วยลำโพง DBR Series และนี่จะช่วยให้เราสามารถยกระดับคุณภาพงานในแต่ละโชว์ขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียว
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ภาคขยาย 1000W Class-D
DBR เป็นตู้ลำโพงที่มีน้ำหนักเบา เพราะภายในมีวงจรภาคขยาย Class-D แบบสมรรถนะสูง มาพร้อมกำลังขับสูงถึง 1000W ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานด้านเสียงแทบทุกแอปพลิเคชัน ให้ความดังสูงถึง 132dB SPL มีความโดดเด่นทั้งเรื่องความชัดเจนและมีไดนามิกของเสียงที่ดี อย่างไรก็ดี เฉพาะ DBR รุ่นขนาด 10 นิ้วจะให้กำลังขับที่ 700W
สั่งทำดอกลำโพงขึ้นเฉพาะ
ดอกลำโพงหรือไดรเวอร์ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด ส่วนใหญ่จะมีสเป็คค่าความไวไม่สูงนัก คืออยู่ประมาณ 80-100dB SPL ขณะดอกลำโพงที่ Yamaha สั่งผลิตนั้นจะมีค่า SPL สูงกว่าค่าเฉลี่ยของท้องตลาด รวมถึงยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่เข้ากันได้กับวงจรภาคขยายและปริมาตรของตู้ที่ Yamaha ออกแบบไว้ ทำให้คุณภาพเสียงเป็นไปตามที่ผู้ออกแบบต้องการ
ฉะนั้น ดอกลำโพงที่สั่งผลิตขึ้นจึงมีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่น เช่น ให้พลังเสียงทุ้มที่ดี มีค่าความผิดเพี้ยนต่ำ ไดรเวอร์เสียงแหลมขนาด 1.4 นิ้ว สามารถให้โทนเสียงกลางและย่านเสียงแหลมแม่นยำ อย่างไรก็ดี เฉพาะรุ่นขนาด 10 นิ้วจะใช้คอมเพรสชันไดรเวอร์หรือปากฮอร์นขนาด 1 นิ้ว
น้ำหนักเบาแข็งแรง
เหตุผลที่ DBR มีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงนั้น เพราะถูกออกแบบให้มีรูปทรงกะทัดรัด ผลิตด้วยพลาสติกคุณภาพดี บวกกับวงจรภาคขยายแบบ Class-D ชิ้นส่วนและแผงวจรภายติดตั้งไว้อย่างแน่นหนา มีการออกแบบให้ง่ายต่อการหิ้วจับยก ช่วยประหยัดต้นทุนในการติดตั้งและการขนย้าย
จากองค์ประกอบทั้งหมดนี้จึงทำให้ DBR มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องน้ำหนักเบาและแข็งแรง แต่ให้พละกำลังสูง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของลำโพง Yamaha ทุก Series ก็ว่าได้
ใช้ง่าย/มีมิกเซอร์ 2 แชนแนล
ลำโพง DBR มาพร้อมมิกเซอร์จำนวน 2 แชนแนล ซึ่งสามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินพุตได้ 2 ช่อง โดยในช่อง CH1 จะเป็นแจ็คแบบคอมโบ ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อด้วยแจ็คที่เป็น XLR และแจ็คโฟนแบบ TRS ทำให้ต่อได้ทั้งสัญญาณแบบ Mic และ Line ฝั่งอินพุตได้
ส่วน CH2 เป็นอินพุตแชนแนลที่ 2 มีลักษณะเดียวกับ CH1 คือเชื่อมต่อได้ทั้งแจ็คแบบ XLR และ TRS คือต่อได้ทั้งสัญญาณ Mic/Line ความพิเศษของแชนแนลนี้สามารถเชื่อมต่อกับแจ็ค RCA ได้อีกด้วย ซึ่งอาจจำเป็นกับเครื่องเล่น CD หรือสัญญาณสเตริโอแบบ Line จากภายนอก
เอาต์พุตของสัญญาณจาก CH1 และ CH2 สามารถนำมาผสมรวมกันได้ โดยกดให้สวิตซ์ต่ำลง หรือในบางกรณีผู้ใช้ต้องการบายพาสเฉพาะสัญญาณจาก CH1 ออกไปภายนอก (ลิงค์ไปตู้อื่น) ก็ทำได้ โดยกดให้สวิตซ์ลอยสูง (CH1 THRU) ที่ด้านหลังตู้ลำโพง
ตัวอย่างการเชื่อมต่อใช้งาน
DBR มีภาค DSP ที่ใช้งานง่าย คือ D-CONTOUR ซึ่งมีให้เลือก 3 โหมดคือ
1. FOH/MAIN ใช้กรณีเซตอัพให้ตู้ลำโพงเป็น Main PA
2. OFF ใช้กรณีไม่ต้องการใช้ D-CONTOUR
3. MONITOR ใช้กรณีเซตอัพให้ตู้ลำโพงเป็นมอนิเตอร์
ด้านหลังตู้ลำโพง DBR Series
ด้านล่างจะมีสวิตซ์ HPF (High Pass Filter) เป็นวงจรกรองความถี่หรือครอสโอเวอร์อย่างง่ายๆ มีให้เลือก 3 โหมด คือ
1.120 Hz ใช้ตัดความถี่เสียงในย่านต่ำกว่า 120Hz ออกไป
2. 80Hz ใช้ตัดความถี่เสียงย่านต่ำกว่า 100Hz ออกไป
3. OFF ใช้กรณีไม่ต้องการใช้วงจรฟิลเตอร์
ด้านหลังตู้ยังมีไฟ LED แสดงสถานะการทำงานของระบบ มี 4 ค่าคือ LIMIT, SIGNAL, PROTECTION และ POWER
มี FIR-X tuning
ลำโพง DBR ถูกปรับจูนด้วย FIR ฟิลเตอร์ ซึ่งช่วยให้เกิดมิติสเตริโอที่ดี ได้ฮาร์โมนิกที่ดี ช่วยลดปัญหาการเลื่อนของเฟสในย่านความถี่กลาง-สูง ซึ่งปกติแล้วจะเกิดเมื่อมีการใช้ฟิลเตอร์หรือวงจรกรองความถี่เสียง
ใช้เป็นลำโพงมอนิเตอร์
DBR ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้สารพัด หนึ่งในนั้นคือการใช้ติดตั้งเป็นลำโพงมอนิเตอร์ หรือ wedge monitor นั่นคือรุ่น DBR12 และ DBR15 โดยมีมุมกระจายเสียง 50 องศา ซึ่งถือว่าได้มาตรฐานสากล
นอกจากนี้ตัวตู้ได้ออกแบบให้สามารถจัดวางในลักษณะ mirror-mode ซึ่งจะช่วยสร้างซาวด์ฟิลด์เสียงที่ความสมมาตรให้นักร้อง นักดนตรี คือช่วยสร้างจุด sweet-spot ให้ใหญ่และชัดเจนขึ้น จะติดตั้งในลักษณะดูอัลโมโนหรือแบบสเตริโอก็ได้ ดังนั้น mirror-mode จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพตัวระบบมอนิเตอร์ได้มาก
มี Rigging Points สำหรับงาน Install
DBR มาพร้อมกับน็อตสลักเกลียว (Eyebolts) ออกแบบมาเพื่อใช้ยึดกับสายลวดสลิง และขายึดเพื่อติดตั้งกับเพดานห้อง ในลักษณะแนวดิ่ง หรือแนวเอียง ยืดหยุ่นต่อการการออกแบบระบบเสียงทั้งในและนอกอาคาร ช่วยให้สามารถยึดลำโพงได้อย่างแน่นหนาแข็งแรง โดยขายึดและลวดสลิงนั้นเป็นอุปกรณ์เสริมไม่ได้แถมมากับตัวตู้ลำโพง
DBR15
เป็นลำโพงแบบ 2 ทางพร้อมภาคขยายในตัว ดอกลำโพงหรือไดรเวอร์ขนาด 15 นิ้ว มีค่าความดังสูงสุด 132dB SPL ตอบสนองทั้งความถี่ต่ำ-กลาง-สูง ลำโพงรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานเป็นลำโพงหลัก หรืองานปาร์ตี้ดีเจ และอีเว้นต์อื่นๆ ที่ต้องการพลังเสียงของย่านเสียงต่ำมากกว่าปกติ
DBR12
เป็นลำโพงแบบ 2 ทาง พร้อมภาคขยายในตัว ลำโพงขนาด 12 นิ้ว ออกแบบเพื่อบาลานซ์โทนเสียงให้มีความคมชัด โดยเฉพาะย่านเสียงร้อง ติดตั้งได้หลายแบบทั้ง Main PA หรือมอนิเตอร์ และใช้เป็น side fills ข้างเวทีก็ได้ พร้อมกำลังขับ 1000W DBR12 ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับทุกสภาพแวดล้อมการใช้งาน
DBR10
เป็นลำโพงแบบ 2 ทาง พร้อมภาคขยายในตัว ลำโพงขนาด 10 นิ้ว ด้วยรูปทรงกะทัดรัด เหมาะกับติดตั้งในพื้นที่จำกัด และต้องการเสียงที่ชัด ใช้เป็นมอนิเตอร์สำหรับร้องเสียงประสานเป็นหมู่คณะ หรือนักดนตรีที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดี เสียงที่คมชัด ให้ความดังสูงสุด 129dB SPL สามารถติดตั้งในร้านอาหาร ห้องประชุมขนาดเล็กหรือขนาดกลาง
คุณสมบัติทางเทคนิค
DBR15
-เป็นลำโพง 2 ทางแบบ Bi-Amp แบบ Bass-reflex
-ตอบสนองความถี่ 50Hz-20kHz
-มุมกระจายเสียง 90×60 องศา
-ดอกลำโพง 15 นิ้ว ว้อยคอยล์ 2.5 นิ้ว แม่เหล็กแบบ Ferrite
-ดอกเสียงแหลม 1.4 นิ้ว เป็นคอมเพรสชันไดรเวอร์ แม่เหล็กแบบ Ferrite
-จุดตัดครอสโอเวอร์ 2.1kHz (linear phase FIR)
-1000W (LF:800W, HF:200W)
-132dB SPL
-มีภาค DSP ในตัว/มิกเซอร์ 2 แชนแนล
-ระบบพัดลมระบายความร้อน 4 ระดับ
-น้ำหนัก 19.3kg
DBR12
-เป็นลำโพง 2 ทางแบบ Bi-Amp แบบ Bass-reflex
-ตอบสนองความถี่ 52Hz-20kHz
-มุมกระจายเสียง 90×60 องศา
-ดอกลำโพง 12 นิ้ว ว้อยคอยล์ 2 นิ้ว แม่เหล็กแบบ Ferrite
-ดอกเสียงแหลม 1.4 นิ้ว เป็นคอมเพรสชันไดรเวอร์ แม่เหล็กแบบ Ferrite
-จุดตัดครอสโอเวอร์ 2.1kHz (linear phase FIR)
-1000W (LF:800W, HF:200W)
-131dB SPL
-มีภาค DSP ในตัว/มิกเซอร์ 2 แชนแนล
-ระบบพัดลมระบายความร้อน 4 ระดับ
-น้ำหนัก 15.8kg
DBR10
-เป็นลำโพง 2 ทางแบบ Bi-Amp แบบ Bass-reflex
-ตอบสนองความถี่ 55Hz-20kHz
-มุมกระจายเสียง 90×60 องศา
-ดอกลำโพง 10 นิ้ว ว้อยคอยล์ 2 นิ้ว แม่เหล็กแบบ Ferrite
-ดอกเสียงแหลม 1 นิ้ว เป็นคอมเพรสชันไดรเวอร์ แม่เหล็กแบบ Ferrite
-จุดตัดครอสโอเวอร์ 2.1kHz (linear phase FIR)
-1000W (LF:500W, HF:200W)
-129dB SPL
-มีภาค DSP ในตัว/มิกเซอร์ 2 แชนแนล
-ระบบพัดลมระบายความร้อน 4 ระดับ
-น้ำหนัก 10.5kg
สรุป
DBR Series ถือเป็นหนึ่งในลำโพง Yamaha ที่ขายดีที่สุด เนื่องจากมีคุณภาพเสียงที่ดี ประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ผลิตด้วยวัสดุชั้นดี ราคาคุ้มค่า ใน Series มีให้เลือก 3 รุ่น คือ
หากต้องการโทนเสียงที่มีเนื้อเบสมากกว่า ให้เสียงกระหึ่ม โทนเสียงใหญ่ มีความลึกและหนักแน่น เพื่อใช้งานเป็น Main PA หรือเป็นมอนิเตอร์บนเวทีขนาดใหญ่ ใช้งานครอบคลุมทุกรูปแบบ ให้เลือกรุ่น DBR15
หากต้องการโทนเสียงร้องแบบชัดๆ เสียงกลางชัดเจน ใช้เป็น Main PA ก็ได้ หรือมอนิเตอร์ก็ดี ใช้กับงานอีเว้นต์ MC เน้นพูดบรรยาย เปิดเพลงปาร์ตี้ไปจนถึงงานระดับคอนเสิร์ตให้เลือก DBR12
หากต้องการลำโพงขนาดเล็ก เสียงร้องชัด หรือเสียงกลางชัดๆ ไม่เน้นเสียงเบส ไม่ต้องการโทนเสียงที่ใหญ่นัก ใช้ติดตั้งในพื้นที่แคบๆ เพื่อกระจายเสียงเป็นจุดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความก้องของห้องหรือสถานที่ ให้เลือก DBR10
บทความที่เกี่ยวข้อง :
Yamaha DXR mkII ลำโพงโฉมใหม่ปี 2019
Yamaha DXR mkII Series ลำโพงพร้อมแอมป์ 1100W
DZR Series ลำโพง Active 2000W จาก Yamaha
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด
เพจ Yamaha Pro Audio Thailand
โทร. (02) 215-2626-39