Show PA-1680TM เครื่องขยายเสียงตามสาย มาพร้อมโมดูล MP3/FM เล่น/บันทึกเสียงได้ กำลังขับ 720W คุมได้ 5 โซน และอีก 1 แบบ All Zone เชื่อมต่อกับลำโพงได้ทุกชนิด
PA-1680TM เพาเวอร์มิกเซอร์รุ่นนี้เป็นสินค้านำเข้าจากไต้หวัน ออกแบบมาเพื่อรองรับงานติดตั้งถาวร เช่น ระบบเสียงตามสาย หรืองานระบบประกาศเสียงตามสาย ทั้งแบบกลางแจ้งและภายในอาคาร ถือเป็นเพาเวอร์มิกเซอร์รุ่นหนึ่งที่มีฟังก์ชันใช้งานครบครัน เรียกว่าเจาะจงเพื่องานประกาศโดยเฉพาะ
ตัว PA-1680TM สามารถเลือกโซนได้หลายโซน โดยแยกเป็น 5 โซนเดี่ยว และ 1 โซนแบบ All Zone กล่าวคือสามารถประกาศแยกทีละโซนหรือประกาศทุกโซนพร้อมกันก็ได้ โดยมีเพจจิ้ง 4 ชุด สามารถเลือกชนิดไมค์ ชนิดไซเรนได้ถึงอย่างละ 4 ชนิด เนื่องจากเป็นเพาเวอร์แอมป์งานประกาศจึงค่อนข้างมีน้ำหนัก ซึ่งตัวเครื่องมีน้ำหนักประมาณ 22 กิโลกรัม ตอนยกอาจต้องใช้ถึง 2 คนกันเลยทีเดียว
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
คุณสมบัติเด่น
ตัวเครื่องขยายเสียงมีโมดูลเครื่องเล่น MP3 รองรับแฟลชไดร์ฟ USB และ SD Card พร้อมให้ฟังก์ชันวิทยุจูนเนอร์ FM อีกด้วย หากพิจารณาจากฟังก์ชันทั้งหมด กรณีนำไปใช้ในระบบงานประกาศเสียงตามสาย ถือว่าให้ฟีเจอร์มาครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการประกาศรวมโซน หรือการประกาศแบบแยกโซนก็สามารถจัดการได้ มาดูสเป็คเครื่อง PA-1680TM ที่เด่นๆ ซึ่งมีดังนี้
>ให้กำลังขับ 680W หรือกรณีใช้ประกาศพร้อมกันจะได้ 720W
>ความถี่ตอบสนองตัวเครื่อง โดยรวมอยู่ที่ 50Hz-17kHz
>รองรับลำโพง 4 Ohms, 8Ohms, 16Ohms และ 70V/100V
>มีดิฟสวิตซ์เลือกประเภทสัญญาณขาเข้าได้ 4 แบบ
>หน้ากว้างขนาด 19 นิ้ว ติดตั้งในตู้แร็คทั่วไปได้
สำรวจหน้าเครื่อง Show PA-1680TM
เมื่อสำรวจหน้าเครื่องจะพบโมดูล MP3 สำหรับเล่นไฟล์ MP3 และชุดรับวิทยุ FM ซึ่งถูกติดตั้งอยู่ฝั่งซ้ายมือ รุ่นนี้ไม่มีบลูทูธ ถัดมาจะพบโวลุ่มปรับเสียงแอคโค่ โวลุ่มอินพุตทั้ง 5 อินพุต และมีโวลุ่มปรับเสียงเบสและเสียงแหลม บวกกับโวลุ่มมาสเตอร์ รวมถึงไฟ LED แสดงสถานะการทำงานในขณะนั้นๆ อาทิ สัญญาณเอาต์พุต เป็นต้น
ด้านหลังเครื่อง
ด้านหลังเครื่องนั้นจะเต็มไปด้วยฟังก์ชันการใช้เชื่อมต่อ ส่วนแรกจะพบจุดเชื่อมต่อกับลำโพง ทั้งในส่วนของโซน แบบอิมพีแดนซ์ต่ำ และแบบฟิกซ์โวลเตจ 70V/100V ถัดลงมาเป็นฟังก์ชันต่ออินพุต ส่วนแรกเป็นอินพุตสำหรับเชื่อมต่อกับไมค์ แบบคอมโบซึ่งสามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง XLR และโฟนแจ็ค
ภาคอินพุต
ภาคอินพุตรองรับการเชื่อมต่อแบบบาลานซ์หรืออันบาลานซ์ก็ได้ การเชื่อมต่อฝั่ง Line ก็เช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของ Aux จะเชื่อมต่อได้เฉพาะแบบอันบาลานซ์ นอกจากนี้ยังมีโวลุ่มควบคุมโทนเสียงทุ้มแหลม จะมีโวลุ่ม 2 ชุด แยกเป็นโวลุ่ม Treble และ Bass ซึ่ง Treble ควบคุมความถี่ย่าน 10kHz Bass ควบคุมย่านความถี่ 100Hz แอมป์รุ่นนี้ให้ค่าดิสตอร์ชันน้อยกว่า 0.5%
ภาคเอาต์พุต
ภาคเอาต์พุตจะมี 2 รูปแบบ คือแยกเป็นเอาต์พุตอิมพีแดนซ์ เป็นรูปแบบที่ใช้เชื่อมต่อกับลำโพงชนิด Ohms เช่นลำโพง 4 Ohms, 8 Ohms ส่วนแบบที่สองใช้เชื่อมต่อกับลำโพงไลน์โวลต์ แอมป์รุ่นนี้สามารถต่อกับลำโพงแบบ 70V และ 100V ได้ ดังนั้นแอมป์รุ่นนี้จึงสามารถเชื่อมต่อแบบโลว์อิมพีแดนซ์ (Low Impedance) และฟิกซ์โวลเตจ (Fix Voltage)
ดิฟสวิตซ์
ในส่วนของภาคอินพุตยังมีฟังก์ชันที่แฝงอยู่ ในแต่ละอินพุต แยกเป็นชุดสัญญาณไมค์แบบคอมโบ จะพบดิฟสวิตซ์ (Dip Switch) ซึ่งมีไว้สำหรับแมทซ์ประเภทของสัญญาณว่าเป็นชนิดใด อย่างเช่นเป็นชนิด Line หรือ Mic เนื่องจากสัญญาณ 2 ชนิดนี้ จะมีระดับความแรงของ Gain สัญญาณแตกต่างกันประมาณ 1000 เท่า
ดังนั้น เมื่อนำสัญญาณ Mic/Line มาเชื่อมต่อ จำเป็นต้องปรับดิฟสวิตซ์ ให้เหมาะสม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ Gain Structure ที่ดี ซึ่งจะช่วยเครื่องทำงานอย่างราบรื่น เช่น กรณีเชื่อมต่อไมค์ หากดิฟสวิตซ์เป็น Line จะได้เสียงไมค์เบาลง เพราะ Line จะมีวงจรกันชนที่มีความต้านทานสูง
ตรงกันข้ามหากเลือกดิฟสวิตซ์เป็นสัญญาณไมค์ แล้วนำ Line มาเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณจากเครื่องเล่นภายนอก MP3/DVD มือถือ และคอมพิวเตอร์ อาจได้ยินเสียงแตกพร่า เสียงบี้ เกิดการพีคของระดับสัญญาณทันที แม้ว่าจะตั้ง Gain ไว้ต่ำๆ ก็ตาม เพราะภายในเครื่องจะใส่วงจรไมค์ปรีไว้เพื่อใช้ขยายสัญญาณที่มีค่าโวลเตจต่ำๆ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
ช่องอินพุตจะมีดิฟสวิตซ์ แต่ละตัวทำงานได้ 4 ฟังก์ชัน
สำหรับดิฟสวิตซ์จะมีด้วยกันจำนวน 4 ช่อง แยกอิสระ กรณีเชื่อมต่อกับสัญญาณ Line ให้ตั้งสวิตซ์เป็น Off หากต่อกับไมค์ให้ปรับเป็น On
ถัดมาคือดิฟสวิตซ์ที่ 2 ใช้กลับเฟสสัญญาณ 180 องศา เพื่อช่วยให้สัญญาณจากแหล่งกำเนิดที่มีปัญหา เช่นเกิดการหักล้างกันเพื่อให้ได้ Gain ที่ดีขึ้น
ดิฟสวิตซ์ที่ 3 ทำหน้าที่เป็น HPF (High Pass Filter) หรือ Low Cut จะตัดย่านความถี่ต่ำกว่า 200Hz ออกไป โดยจะปล่อยผ่านความถี่ที่สูงกว่า 200Hz ขึ้นไปจนถึง 20kHz เพื่อไม่ให้ย่านความถี่ต่ำเข้ามารบกวน เพราะจะทำให้ได้เสียงบวม เสียงเบลอ ซึ่งจะได้เสียงไม่ชัด
ดิฟสวิตซ์ที่ 4 ทำหน้าที่เป็น Phantom +48V มีไว้สำหรับใช้กับไมค์คอนเด็นเซอร์ หรืออุปกรณ์ประเภท DI-Box นี่คือฟังก์ชันที่ใช้สำหรับแมทซ์อินพุตแบบคอมโบ
สำหรับอินพุตสามารถใช้ขั้วเสียบแบบ 3 ขา (Phonex) แบบบาลานซ์สัญญาณ ซึ่งเป็นทางเลือกในกรณีที่ไม่ใช้ขั้วต่อแบบโฟนแจ็ค
อินพุต Line ของ Show PA-1680TM
อินพุต Line อีกชนิดคือขั้วต่อแบบ RCA ซึ่งมีทั้งหมด 2 ชุด พร้อมดิฟสวิตซ์มาให้เช่นกัน มีโหมดทำงาน 4 แบบ สวิตซ์แรกสำหรับการเลือกใช้ Aux 1 หรือ 2 หมายความว่าจะใช้งานได้ทีละ Aux เช่น หากเลือกใช้ Aux 1 ตัว Aux 2 จะถูก Off
ดิฟสวิตซ์ของ RCA ตัวที่ 2 จะใช้ลดทอนสัญญาณขาเข้าที่มีความแรงเกินไป ซึ่งจะช่วยกดสัญญาณให้เบาลงประมาณ -10dB เพื่อไม่ให้สัญญาณขาเข้าเกิดการพีค เพราะหากปล่อยให้สัญญาณอินพุตขาเข้าแรงเกินไป สัญญาณจะเกิดการผิดเพี้ยนได้
ดิฟสวิตซ์ของ RCA ตัวที่ 3 จะใช้ในกรณีปรับ HPF จุดตัดอยู่ที่ความถี่ 200Hz และดิฟสวิตซ์สุดท้าย จะใช้เลือก Gain สัญญาณขาเข้าที่ -10dB หรือ 0dB ทั้งนี้ก็เพื่อให้ระบบทำงานกับสัญญาณที่ป้อนเข้ามาได้อย่างเหมาะสม
Pre Out/Tape Out เป็นช่องสำหรับเชื่อมต่อเพื่อใช้บันทึกเสียง หรือดึงสัญญาณเพื่อนำไปพ่วงกับเพาเวอร์แอมป์ตัวอื่นๆ ตัวเครื่องยังมีระบบระบายความร้อนด้วยพัดลม ช่วยให้ความร้อนในตัวเครื่องไม่ถูกสะสม
มีคู่มือภาษาอังกฤษอธิบายการใช้งานอย่างละเอียด
สรุป
Show PA-1680TM เพาเวอร์มิกเซอร์ขนาดกำลังขับ 680W-720W ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานประกาศในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตึกสำนักงานออฟฟิศ หรือจะเป็นตามสถาบันการศึกษา
ตัวเครื่องรองรับงานได้หลายระดับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสเกลหน้างานว่าต้องการระบบประกาศครอบคลุมพื้นที่ขนาดเท่าใด ถ้าขนาดเล็กอาจจะติดตั้งเพียงเครื่องเดียวก็เพียงพอ หากเป็นสเกลใหญ่จำเป็นต้องมีหลายเครื่อง
เครื่องขยายเสียงรุ่นนี้ ควบคุมโซนเพจจิ้งได้ 1-5 โซน สามารถต่อลำโพงได้ทุกชนิด ทั้งแบบ 4 Ohms, 8 Ohms, 16 Ohms และแบบไลน์โวลต์ 70V, 100V พร้อมทั้งชุดดิฟสวิตซ์ที่ใช้ปรับจูนสัญญาณขาเข้าให้เหมาะสม บวกกับยังมีโมดูล MP3/FM ให้อีกด้วย
PA-1680TM จัดว่าเป็นเครื่องขยายเสียงสำหรับงานประกาศที่ให้ลูกเล่นมาแบบจัดเต็มก็ว่าได้
บทความที่เกี่ยวข้อง :
Show PAX Series เพาเวอร์แอมป์สำหรับงานติดตั้ง
SHOW MPA Series เครื่องขยายเสียงตามสาย 240W
สามารถสอบถาม ติดตามข่าวสาร และข้อมูลได้ที่ :
สนใจสั่งซื้อสินค้า ผ่านเว็ปไซต์
www.mynpe.com/
Line@ : http://bit.ly/LineMyNPEThailand
Facebook : http://m.me/mynpethailand
Twitter : twitter.com/mynpethailand
Instagram : instagram.com/mynpethailand
Youtube : www.youtube.com/user/mynpe
Tel : 02 225 0094 (Banmoh Branch)
Map : www.mynpe.com/mynpe-banmoh
Tel : 02 992 7379 (Zeer Rangsit Branch)
Map : www.mynpe.com/mynpe-zeer
Tel : 02 889 5498 (Salaya Branch)
Map : www.mynpe.com/mynpe-salaya