“เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้วางระบบเสียงจะใช้เพาเวอร์แอมป์ที่มีน้ำหนัก เพราะถ้าใช้อุปกรณ์ที่มีน้ำหนัก พวกเขาจะมีต้นทุนแรงงานและค่าขนส่งมากขึ้น และอาจจะทำให้การติดตั้งในสถานที่บางแห่งยุ่งยาก แต่ด้วยวิธีใหม่ที่ชาญฉลาดกว่า Yamaha ได้ออกแบบเพาเวอร์แอมป์ PX Series มีน้ำหนักเบาและมาพร้อมกับระบบ DSP คุณภาพ ที่จะมาท้าทายเพาเวอร์แอมป์ระบบเก่า”
ในปี 1976 Yamaha ได้เปิดตัวเพาเวอร์แอมป์รุ่นแรกคือ P2200 นับแต่นั้นมา Yamaha ได้เน้นพัฒนาเพาเวอร์แอมป์ โดยโฟกัสเรื่องคุณภาพเสียง กำลังขับ และความเสถียรเพื่อตอบสนองงานระบบเสียงกลางแจ้ง สตูดิโอ และงานติดตั้งถาวร
สำหรับเพาเวอร์แอมป์ PX Series ถือเป็นเพาเวอร์แอมป์รุ่นใหม่ที่ยังคงรักษาความยอดเยี่ยมในแบบฉบับของ Yamaha ไว้ดังเดิม ตลอดจน Yamaha ยังเป็นเจ้าของเทคโนโลยี DSP (Digital Signal Processing) และยังเชี่ยวชาญด้านเสียงในระดับอาชีพ มีความเหนือชั้นในการออกแบบอุปกรณ์ให้เบา ทนทาน สามารถปลดปล่อยกำลังขับสู่ลำโพงได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันยังมีระบบป้องกันความเสียหาย ด้วยการใช้ภาคประมวลผลที่ดีที่สุด ภายใต้วงจรขยายแบบ Class-D ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้ง 4 รุ่น ซึ่งเหมาะกับงานระบบเสียงกลางแจ้งและงานติดตั้งถาวร
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
Yamaha เปิดตัวเพาเวอร์แอมป์ PX Series ออกสู่ตลาด ซึ่งมีทั้งหมด 4 รุ่น ที่สามารถนำไปใช้งานได้แบบเอนกประสงค์ มีภาคประมวลผลแบบอัจฉริยะ ให้กำลังขับสูงเพื่อตอบสนองความต้องการสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่หลากหลาย ในเบื้องต้นมีรายละเอียดดังนี้
เพาเวอร์แอมป์ Yamaha PX10
- กำลังขับ 1000W x 2 @ 8 Ohms
- กำลังขับ 1200W x 2 @ 4 Ohms
- ออกแบบวงจรใหม่ทั้งหมดเป็น Class-D พร้อมคัสตอมชิป LSI
- มี PEQ บรรจุในบอร์ด มาพร้อมครอสโอเวอร์ ฟิลเตอร์ ดีเลย์ และลิมิเตอร์ฟังก์ชัน
- มีพรีเซตลำโพง Yamaha
- ใช้งานง่ายปลอดภัย
Yamaha PX10 กำลังขับ 1200W x 2 @ 4 Ohms
เพาเวอร์แอมป์ Yamaha PX8
- กำลังขับ 800W x 2 @ 8 Ohms
- กำลังขับ 1050W x 2 @ 4 Ohms
- ออกแบบวงจรใหม่ทั้งหมดเป็น Class-D พร้อมคัสตอมชิป LSI
- มี PEQ บรรจุในบอร์ด มาพร้อมครอสโอเวอร์ ฟิลเตอร์ ดีเลย์ และลิมิเตอร์ฟังก์ชัน
- มีพรีเซตลำโพง Yamaha
- ใช้งานง่ายปลอดภัย
Yamaha PX8 กำลังขับ 1050W x 2 @ 4 Ohms
เพาเวอร์แอมป์ Yamaha PX5
- กำลังขับ 500W x 2 @ 8 Ohms
- กำลังขับ 800W x 2 @ 4 Ohms
- ออกแบบวงจรใหม่ทั้งหมดเป็น Class-D พร้อมคัสตอมชิป LSI
- มี PEQ บรรจุในบอร์ด มาพร้อมครอสโอเวอร์ ฟิลเตอร์ ดีเลย์ และลิมิเตอร์ฟังก์ชัน
- มีพรีเซตลำโพง Yamaha
- ใช้งานง่ายปลอดภัย
Yamaha PX5 กำลังขับ 800W x 2 @ 4 Ohms
เพาเวอร์แอมป์ Yamaha PX3
- กำลังขับ 300W x 2 @ 8 Ohms
- กำลังขับ 500W x 2 @ 4 Ohms
- ออกแบบวงจรใหม่ทั้งหมดเป็น Class-D พร้อมคัสตอมชิป LSI
- มี PEQ บรรจุในบอร์ด มาพร้อมครอสโอเวอร์ ฟิลเตอร์ ดีเลย์ และลิมิเตอร์ฟังก์ชัน
- มีพรีเซตลำโพง Yamaha
- ใช้งานง่ายปลอดภัย
Yamaha PX3 กำลังขับ 500W x 2 @ 4 Ohms
หากสังเกตจะพบว่าทั้ง 4 รุ่นจะมีคุณสมบัติคล้ายกัน จะต่างกันเพียงกำลังขับเท่านั้น ในรุ่น PX10 จะให้กำลังขับที่ 1000Watt @ 8 Ohms, PX8 ให้กำลังขับ 800Watt @ 8 Ohms, PX5 ให้กำลังขับ 500Watt @ 8 Ohms และ PX3 ให้กำลังขับ 300Watt @ 8 Ohms ทุกรุ่นเป็นเพาเวอร์แอมป์ 2 แชนเนล ในกรณีการเชื่อมกับโหลดอิมพีแดนซ์ 4 Ohms ก็จะได้กำลังขับมากขึ้น ตามข้อมูลข้างต้น
ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ
ด้วยการออกแบบที่ให้เสียงทรงพลังและมีประสิทธิภาพ ใน PX Series มีวงจรภาคขยายเป็นแบบ Class-D ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นใหม่ มาพร้อมฟังก์ชันที่จำเป็น โดยทั้งหมดนั้นถูกบรรจุไว้ในชิป LSI ที่ Yamaha คัสตอมเอง และใช้เทคโนโลยี PLL เป็นตัวควบคุมการถ่ายโอนสัญญาณ เพื่อให้ได้เสียงอันน่าประทับใจ ด้วยสถาปัตยกรรมของชิปตัวใหม่นี้ ทำให้ได้สัญญาณที่ดีและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
จุดเด่นของ Class-D คือมีน้ำหนักเบากว่า ให้ประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเทียบกับกระแสไฟที่ใช้ไป แต่ยังมีความน่าเชื่อถือในด้านอื่นๆ การผนวกเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและกระบวนการคัดสรรส่วนชิ้นส่วนมาประกอบ ทำให้เพาเวอร์แอมป์ PX Series ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เสียงรบกวนต่ำ มีระบบป้องกันที่น่าเชื่อถือ และเหนือกว่านั้นคือเรื่องของคุณภาพเสียงมีความโดดเด่น
ระบบ DSP – Input/Output Routing
ชิป DSP ที่ Yamaha คัสตอมขึ้นมาเพื่อเพาเวอร์แอมป์ PX Series โดยเฉพาะ
Amp Mode เป็นหนึ่งในฟังก์ชันสำคัญของ PX Series โดยอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถคอนฟิกระบบโดยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากเพื่อให้ใช้ง่าย ด้วยวิธีการเลือกอินพุตและเอาท์พุตเราท์ติ้ง ซึ่งรวมแล้วมีทั้งหมด 15 รูปแบบ ประกอบด้วยแพทเทิร์นหลายแบบ อินพุตเราท์ติ้ง ประกอบด้วย Dual/Parallel/Single/SUM โดยมีโครงสร้างโหมดระบบลำโพงคือ
- FULL+FULL
- SUB+SUB
- FULL+SUB
- Bi-Amp
- Boost Full
- Boost Sub
มีไลน์อัพให้เลือก
PX Series ทั้งหมด 4 รุ่น PX10 = 1,200 W x2, PX8 = 1050 W x2, PX5 800 W x2 และ PX3 500 W x2 แชนเนลที่โหลดอิมพีแดนซ์ 4 Ohms ทำให้ผู้ใช้สามารถออกแบบแอปพลิเคชัน หรือวางระบบเสียงให้ลูกค้าได้หยืดหยุ่น ในทุกการติดตั้ง รุ่น PX3 และ PX5 สามารถใช้โหมด Power Boost โดยจะควบรวมเอาท์พุต 2 แชนเนลให้เป็น 1 แชนเนล ซึ่งนั่นจะช่วยเพิ่มกำลังขับได้มากขึ้น อาจจำเป็นในกรณีที่ลำโพงมีกำลังวัตต์สูง
หน้าจอแสดง PEQ
การประมวลผลที่ซับซ้อน
PX Series มาพร้อมกับครอสโอเวอร์ ฟิลเตอร์ ดีเลย์ ลิมิเตอร์ และ PEQ แบบฟิกซ์พรีเซต ที่ถูกบรรจุไว้ในบอร์ดซึ่งมีความยืดหยุ่น ทั้งหมดเป็นฟังก์ชันมาตรฐานของระบบโพรเซสเซอร์สมัยใหม่ ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้ง่ายขึ้น เซตอัพระบบได้รวดเร็วขึ้น โดยทำงานผ่านหน้าจอ LCD ไม่จำเป็นต้องใช้โพรเซสเซอร์ที่เป็นเอาท์บอร์ด Yamaha มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า D-CONTOUR เป็นมัลติแบนด์ไดนามิกโพรเซสซิ่ง ซึ่งมีในเพาเวอร์แอมป์ PX Series เช่นกัน จุดเด่นคือช่วยทำให้ได้เสียงที่มีคุณภาพสูง