3 Series MkII ข้อมูลในเว็บไซต์ amazon.com พบว่าเป็นหนึ่งในลำโพงสตูดิโอที่ได้รับความนิยมสูงสุด
RT60
3 Series MkII เป็นลำโพงสตูิโอมอนิเตอร์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานด้านโปรดักชันระดับอาชีพ หรือใช้ในโฮมสตูดิโอขนาดเล็กภายในบ้านก็สามารถทำได้ นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้งในห้องคอนโทรลรูมของสถานที่ต่างๆ ทั้งในรูปของห้องประชุมหน่วยงานรัฐและเอกชน ห้องเล็คเชอร์ในสถานบันการศึกษา
คุณสมบัติของลำโพงในตระกูลนี้เป็นลำโพงแอคตีฟทั้งหมด เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องสตูดิโอหรือห้องคอนโทรล ในรุ่น 305P MkII จะให้ความดังสูงสุด 108dB SPL ส่วนรุ่น 306P MkII ให้ความดังสูงสุด 110dB SPL และตัว 308P ให้ความดังที่ 112dB SPL ลำโพงรุ่น MkII ถูกพัฒนาออกมาโดยให้โทนเสียงโมเดิร์น จึงเหมาะกับทุกสไตล์ดนตรี
MkII มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
ภาพรวมของ 3 Series MkII
ลำโพง 3 Series MkII มีการออกแบบ Waveguide เพื่อให้ได้มิติเสียงที่ดีที่สุด มีความแม่นยำและถูกต้อง รวมถึงยังมีจุด Sweet spot ที่กว้างกว่า ดอกลำโพงเสียงแหลมออกแบบให้เสียงแหลมเดินทางเร็วขึ้น ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของ JBL และให้เสียงนิ่มนวลในแบบ Soft Dome ดอกลำโพงเสียงทุ้ม
JBL มีการปรับปรุงให้มีความลีเนียร์ตอบสนองความถี่ในทุกพื้นที่การฟังให้ดีขึ้น สามารถตอบสนองเสียงทุ้มได้ลึก และมีค่าความผิดเพี้ยนต่ำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษของลำโพงรุ่น MkII ส่วนพอร์ตลมของ 3 Series MkII ออกแบบการไหลของเสียงต่ำให้แผ่ได้กว้างเป็นพิเศษ สำหรับภาคขยายภายในตู้ใช้วงจรแบบ Class-D โดยแยกขับดอกเสียงแหลมและเสียงทุ้มในลักษณะ Bi-Amp เพื่อให้ได้เสียงเต็มกำลัง
พอร์ตลมด้านหลังช่วยเสริมให้เสียงเบสมากขึ้น
เมื่อสำรวจด้านหลังตู้ของ JBL 3 Series MkII จะประกอบด้วยมาสเตอร์โวลุ่ม สวิตซ์ Boundary EQ และ HF Trim สำหรับปรับ Boundary EQ เสียงต่ำ สามารถปรับได้สามระดับคือ -3dB, -1.5dB และ 0dB เพื่อช่วยแก้ปัญหาความก้องของความถี่ต่ำที่มีผลต่ออคูสติกภายในห้อง
ออกแบบ Waveguide ใหม่
นอกจากนี้ยังมี EQ ของภาคเสียงแหลมอีกหนึ่งแบนด์และสวิตซ์ปรับอีก 3 ระดับคือ -2dB, 0 และ +2dB ใช้ชดเชยระดับความดังของความถี่ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของห้องสตูดิโอที่นำไปใช้งาน และยังเพิ่มช่องสัญญาณอินพุตด้วยขั้วต่อแบบ Balanced XLR และแจ็คโฟน TRS มาพร้อมกับสวิตซ์ปรับความไว (Input Sensitivity) 2 ระดับคือ +4dBu และ -10dBv
Image Control Waveguide ของ 3 Series MkII
Image Control Waveguide เทคโนโลยีเฉพาะของ JBL เป็นคุณสมบัติเด่นของลำโพงรุ่น 3 Series นี้ ซึ่งมีความซับซ้อน และถูกพัฒนาจากรุ่นเดิม ตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ไดรเวอร์เสียงแหลมคล้ายปากแตร หรือฮอร์นในระบบตู้ลำโพงกลางแจ้ง ได้รับการจดสิทธิบัตรโดย JBL จุดเด่นคือให้เสียงกระจายถึงหูผู้ฟังได้กว้าง และให้ความรู้สึกถึงเสียงที่คมชัด แม้ว่าจะยืนห่างออกไปในระยะไกล
ความถี่สูงสามารถให้รายละเอียดที่ดี ผู้ฟังสามารถรับรู้ได้ถึงทิศทางเสียงของไมโครโฟนที่อยู่ในงานดนตรีเหล่านั้น สำหรับสตูดิโอมอนิเตอร์นั้น เป็นเสมือนการพัฒนาโทรทัศน์หรือจอภาพให้สามารถแสดงผลต่างๆ โดยที่มีรายละเอียดของสีสันของภาพ
ออกแบบดอกลำโพงใหม่
ลำโพงที่ดีนั้นผู้ฟังสามารถจะได้ยินเสียงที่มีส่วนผสมต่างๆ เครื่องดนตรีได้ชัดเจน ซึ่งในกลุ่มลำโพงซีรี่ส์นี้ มีความโดดเด่นในเรื่องเสียงตอบสนองรายละเอียดต่างๆ ได้ครบถ้วน เหมาะกับทุกห้องสตูดิโอ
สามารถตอบสนองอะคูสติกห้องได้หลากหลาย
ในแง่ของความสำเร็จของลำโพงมอนิเตอร์ซีรี่ส์นี้ ในตลาดโลกถือได้ว่าประสบความสำเร็จยอดเยี่ยม คำวิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในด้านบวก และมักจะ Review กันที่ 5 ดาว ในเว็บไซต์ amazon.com ถือว่าเป็นลำโพงสตูดิโอที่ได้รับความนิยมสูงสุดอีกด้วย
คุณสมบัติ 305P MkII
>> ภาคขยายของ 305P MkII เป็นวงจร Class D
>> ไดรเวอร์ขนาด 5 นิ้ว
>> กำลังขับไดรเวอร์ย่านเสียงแหลม 41W ไดรเวอร์ย่านเสียงทุ้ม 41W เช่นกัน
>> สามารถตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 49Hz-20kHz (+/-3dB) และมีเร้นจ์ความถี่ตั้งแต่ 43Hz-20kHz (-10dB)
>> ระบบการขับเป็น Bi-Amp ของ 3 Series มีการแยกกันขับ ข้อดีของการแยกภาคขยายจะได้กำลังเต็มที่ และป้องกันความเสียหายของลำโพงได้ง่ายกว่า
>> มีครอสโอเวอร์ตัดที่ย่าน 1725Hz 4th order แบบ Linkwitz-Riley
>> ตัวบอดี้ลงความถี่ได้ลึกถึง 43Hz มีค่า System Distortion Criteria มากกว่า 10% THD ที่กำลังขับสูงสุด และ 0.2%
>> ค่า THD @ 1kHz / 2.83Vrms
รองรับการติดตั้งแบบ 2.1 แชนแนล และ Surround 5.1
>> ค่า Signal to Noise Ratio เท่ากับ 75dBA
>> มีมุมกระจายเสียง 120 องศาในแนวนอนและ 90 องศาในแนวตั้ง
>> รองรับการ Trim control HF -2dB, 0dB, +2dB
>> ด้านหลังมี Boundary EQ แบบ LF Shelf @50 Hz
>> น้ำหนักตู้ต่อใบ 4.73kg
>> วัสดุผลิตตู้เป็นไม้ MDF หนา 15mm
>> ช่องเชื่อมต่ออินพุตเป็นแบบแอนาลอก XLR และ TRS อย่างละหนึ่งช่อง
>> ส่วน Input Sensitivity เท่ากับ 92dB/1m (-10dBV)
คุณสมบัติ 306P MkII
>> มีเทคโนโลยี waveguide ชื่อว่า Image Control Waveguide ทำให้ควบคุมการกระจายเสียงย่านความถี่สูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เสียงมีมิติ และสามารถใช้งานได้กับห้องทุกแบบ
>> 3 Series Mk II มีระบบทรานสดิวเซอร์ที่ดีเยี่ยม ควบคุมทรานเชี้ยนส์ได้ดี และมีการปรับปรุงเสียงให้มีลักษณะเป็นลิเนียร์
>> สามารถเซต Boundary EQ ได้ 3 ค่าคือ -2dB, 0, +2dB เพื่อเป็นการชดเชยย่านความถี่ต่ำให้กับสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน
>> สามารถ Trim ความถี่ได้ 3 แบบ โดยปรับค่าย่านความถี่สูงให้เหมาะกับสภาพอคูสติกของห้องหรือความชอบส่วนบุคคล
ลักษณะการต่อแบบ 2.1 แชนแนลกับมิกเซอร์
>> มีพอร์ตย่านเสียงต่ำที่ทำให้เบสได้ Performance ทุกระดับการเพลย์แบ็ก
>> วงจรภาคขยาย เป็น Class D แยกขับอิสระ มีกำลังขับรวม 112W ให้ไดนามิกเร้นจ์สูง
>> ตู้ลำโพงติดไดรเวอร์ขนาด 6.5 นิ้ว ไดรเวอร์เสียงแหลมขนาด 1 นิ้ว เป็นลำโพง 2 ทาง
>> ตัดครอสโอเวอร์ที่ย่านความถี่ 1425Hz 4th order แบบ Linkwitz-Riley
>> ภาคขยายขับลำโพงเสียงทุ้ม 56W ขับเสียงแหลม 56W
>> มี Frequency Response เท่ากับ 47Hz – 20kHz (±3dB) และ Frequency Range เท่ากับ 39Hz – 24kHz (-10dB)
>> ค่าของ Low Frequency Extension เท่ากับ 39Hz (-10dB)
>> ให้ความดังต่อเนื่อง 92dB และค่าความดังสูงสุด 110dB SPL
>> มีมุมกระจายเสียง 120 องศาในแนวนอน 90 องศาในแนวตั้ง
>> สามารถตั้ง HF Trim Control เป็น -2dB, 0dB, +2dB และ Boundary EQ เป็นลักษณะ LF Shelf @ 50Hz
>> น้ำหนักตัวตู้ 6.1kg
>> ประกอบด้วยไม้ MDF หนา 15mm
>> มีอะนาลอกอินพุต XLR, TRS อย่างละ 1 ช่อง และ Input Sensitivity เท่ากับ 92dB / 1m (-10dBV Input)
คุณสมบัติ 308P MkII
>> มีไดรเวอร์เสียงต่ำขนาด 8 นิ้วและแหลม 1 นิ้ว เป็นไดรเวอร์เสียงแหลมแบบ soft dome
>> ตัดครอสโอเวอร์ที่ 1800Hz ความชัน 4th order แบบ Linkwitz-Riley หรือ 24dB/Octave
>> ภาคเพาเวอร์แอมป์เป็น Bi-amp ให้กำลังขับย่านทุ้ม 56W และย่านแหลม 56W
>> ค่า Frequency Response ทำได้ตั้งแต่ 45Hz-20kHz (+/-3dB)
>> ส่วนค่า Frequency Range ทำได้ตั้งแต่ 37Hz-24kHz (-10dB) ย่าน Low สามารถตอบสนองได้ต่ำสุดคือ 37Hz (-10dB)
>> ให้ความดังสูงสุดที่ 112dB SPL และความดังต่อเนื่องที่ 102dB SPL
>> รองรับอินพุตเลเวลได้สูงสุดที่ +6dBV / +20.3dBu (-10dBV / +4dBu)
การต่อแบบ Surround 5.1
>> ค่า Signal to Noise Ratio เท่ากับ 75dBA (A-Weighted), 70dBr (unweighted)
>> มุมกระจายเสียงเป็นแบบ 120° x 90°
>> สามารถ Trim ย่าน HF ได้ที่ -2dB, 0dB, +2dB
>> มี Boundary EQ แบบ LF Shelf @50Hz
>> ส่วนตัวบอดี้ลำโพงมีน้ำหนัก 8.1kg ต่อใบ
>> 3 Series MkII ออกแบบด้วยไม้ MDF
>> เชื่อมต่ออินพุตแอนาลอกแบบ XLR 1 ช่อง และ TRS 1 ช่อง
>> ปรับ Input Sensitivity ได้ 92dB/1m (-10dBV)
ออกแบบจากประสบการณ์ที่มีมากว่า 70 ปี
สรุป
สำหรับลำโพง JBL 3 Series MkII คาดว่าจะตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหาสตูดิโอมอนิเตอร์ดีๆ สักคู่มาใช้งาน ด้วยความใส่ใจของพื้นที่การฟัง มีการวัดตำแหน่งการฟังถึง 72 ตำแหน่ง เพื่อให้แน่ใจว่า ท่านจะได้รับฟังเสียงที่ถูกต้องที่สุด
ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้งาน เพราะ JBL ได้ทดสอบในห้องแล็บนานถึง 100 ชั่วโมง ตัวลำโพงมีการออกแบบมันเงาแลดูโดดเด่น ดึงดูดสายตาแก่ผู้พบเห็น นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานร่วมกับตู้ซับวูเฟอร์ขนาด 10 นิ้ว ที่จะช่วยเพิ่มเสียงซับเบสในระบบ 2.1 แชนแนล หรือ 5.1 เซอร์ราวด์ให้มีประสิทธิภาพสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
JBL 3 Series MkII มีสามขนาดให้เลือกใช้งาน ได้แก่ 305P MkII ประกอบด้วยไดรเวอร์ขนาด 5 นิ้ว กำลังขับ 41W ถัดไปรุ่น 306P MkII ไดรเวอร์ขนาด 6.5 นิ้ว กำลังขับ 56W และรุ่นใหญ่ของซีรี่ส์ คือ 308P MkII กำลังขับ 56W
บทความที่เกี่ยวข้อง :
JBL One Series ลำโพงสตูดิโอมอนิเตอร์
สนใจสินค้าสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด
โทร. 02-2560020
Website: www.mahajak.com
Youtube : Mahajak Channel
Line : @MahajakPro